แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ จึงไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โจทก์เห็นว่า โจทก์ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของโจทก์ไม่ถือว่าเป็นความผิด เพราะในขณะนั้นจำเลยยังไม่มีระเบียบหรือคำสั่งห้ามไว้ จำเลยเพิ่งออกคำสั่งใช้บังคับในภายหลังคำสั่งดังกล่าวไม่ควรมีผลย้อนหลัง จำเลยจึงไม่อาจกล่าวอ้างเป็นเหตุเลิกจ้างได้ นอกจากนี้โจทก์ไม่เคยกระทำความผิดใดมาก่อน และการกระทำของโจทก์ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย แต่จำเลยกลับเลิกจ้างโจทก์เพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่พนักงานอื่น ๆ เช่นนี้ย่อมไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ อุทธรณ์ของโจทก์จึงมิใช่เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เพื่อพิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 118)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี จำนวน 2,475.20 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้า 20,159.20 บาท รวมเป็นเงิน 22,634.40 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน63,659 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 110)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 113)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์อ้างในอุทธรณ์ข้อ 2 ว่า จำเลยไม่มีระเบียบหรือคำสั่งให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องที่พิพาทกันในคดีนี้ และตามคำเบิกความของพยานโจทก์จำเลยฟังได้ว่าโจทก์มีอำนาจทำได้ แสดงว่าโจทก์มิได้กระทำผิดตามข้อบังคับขององค์การเชื้อเพลิงว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2503 เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานที่ศาลแรงงานกลางรับฟังว่าโจทก์กระทำผิดวินัยตามข้อ 6 แห่งข้อบังคับคณะกรรมการขององค์การเชื้อเพลิงว่าด้วยวินัยพนักงาน พ.ศ. 2503 อันเป็นข้อเท็จจริง ที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง