คำสั่งคำร้องที่ 1251/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แม้จะพิจารณาได้ความตามที่โจทก์ฎีกาก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาที่ไร้สาระ จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาซึ่งมีข้อเท็จจริงอันเดียวกันศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาคดีหลังน่าจะต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีก่อนมาประกอบการพิจารณาคดีหลังด้วยจึงจะชอบด้วยวิธีพิจารณาเพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้ เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญควรจะได้รับการวินิจฉัยโดยศาลสูง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องโดยวิธีปิดหมาย (อันดับ 116แผ่นที่ 3)
คดีทั้งสี่สำนวนนี้ โจทก์จำเลยเป็นคู่ความรายเดียวกัน โจทก์ฟ้องจำเลยทำนองเดียวกันขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งให้ประทับฟ้องคดีทั้งสี่สำนวนไว้พิจารณาแล้วมีคำสั่งให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสี่สำนวนเข้าด้วยกัน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 110)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 111)

คำสั่ง
หากข้อเท็จจริงในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13814/2527 ที่ว่าไม่มีการหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยจะต้องรับฟังในคดีทั้ง 4สำนวนนี้ ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าการรับฟังพยานหลักฐานชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาหรือไม่ก็จะเป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระให้รับฎีกาโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าว

Share