แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2528 จนบัดนี้เป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีทายาท ผู้จัดการมรดก หรือผู้อื่นที่ได้ปกครองทรัพย์มรดกของโจทก์ ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์และจำเลยมิได้ขอให้เรียกบุคคลเหล่านั้นเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์โปรดมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(สำนวนชั้นขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ อันดับ 12)
ทนายจำเลยทั้งสี่ชำระค่าคำร้องมาเพียง 20 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คืนรถแทรคเตอร์แก่โจทก์ แต่ให้โจทก์ชำระราคารถแทรคเตอร์เป็นเงิน 91,600 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องแย้ง(30 พฤษภาคม 2523) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ 2(ร้อยตำรวจโทธานีกิตติคุณวุฒิ) ยกคำขออื่นตามฟ้องโจทก์และคำขออื่นตามฟ้องแย้งนอกเหนือไปจากที่ศาลพิพากษาไว้ดังกล่าวข้างต้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะเรื่องราคารถเป็นว่า ให้โจทก์ชำระราคารถแทรกเตอร์คันพิพาทที่ค้างให้จำเลยที่ 1 เป็นเงิน104,700 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันฟ้องแย้ง (30 พฤษภาคม 2523) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ต่างฎีกา (อันดับ 202,199)
เฉพาะโจทก์ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด(อันดับ 207)
โจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์ยังมิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลย เนื่องจากเข้าใจว่าทนายจำเลยรับสำเนาฎีกาไปแล้วจึงขอให้สั่งเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยทั้งสี่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งฎีกาของโจทก์มายังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป(อันดับ 206,207)
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 4 กันยายน 2529 ให้ส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นโดยอนุญาตให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยทั้งสี่ ฯลฯเสร็จแล้วให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา
ศาลฎีกาส่งสำนวนไปยังศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2529ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2529 ซึ่งเป็นเวลาก่อนศาลฎีกาส่งสำนวนไปยังศาลชั้นต้น ทนายจำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลชั้นต้น (สำนวนชั้นขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ อันดับ 2)ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้รวมสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป (สำนวนชั้นขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์อันดับ 19)
ในวันเดียวกันนั้นเอง ปรากฏว่านางประภายงสุวรรณกุล และนางสาวราสินีตั้งพลังกูล ในฐานะผู้จัดการมรดกของโจทก์ได้ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้งดฟังคำสั่งศาลฎีกา และให้ส่งคำสั่งคืนศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งพร้อมกับคำร้องของจำเลยและผู้ร้อง(สำนวนชั้นขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ อันดับ 22,42)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วศาลได้มีคำสั่งให้นางประภายงสุวรรณกุลและนางสาวราสินีตั้งพลังกูล ผู้จัดการมรดกโจทก์ เข้าเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไปแล้วปรากฏตามคำสั่งคำร้องที่ 322 พ.ศ. 2530 จึงให้ยกคำร้องจำเลยทั้งสี่ที่ขอให้จำหน่ายคดีนี้