คำสั่งคำร้องที่ 151/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา และโจทก์ยื่นคำแก้ฎีกาแล้ว บัดนี้โจทก์ร่วมไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป จึงขอถอนคำร้องทุกข์ในคดีนี้ โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ที่ 2 แถลงท้ายคำร้องว่าได้ทราบข้อความในคำร้องแล้ว ไม่คัดค้าน (อันดับ 125)
ระหว่างพิจารณา นายธวัชกังตระกูล ผู้เสียหาย ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำเลยทั้งสองสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสี่ฉบับคราวเดียวกัน ถือว่าเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกัน ปรับจำเลยที่ 1 หนึ่งล้านบาท ไม่ชำระค่าปรับภายใน 30 วัน ให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ จำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนดหนึ่งปี นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1648/2526 ของศาลนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ลงโทษปรับจำเลยที่ 1 หนึ่งแสนบาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา (อันดับ 121)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องดังกล่าวโดยทนายโจทก์ร่วมเป็นผู้ลงชื่อในคำร้อง (อันดับ 125)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การถอนคำร้องทุกข์เป็นอำนาจของผู้เสียหายตามคำร้องปรากฏว่านายชูชาติ ดียิ่ง ทนายโจทก์ร่วมเป็นผู้ลงชื่อในคำร้อง โดยไม่ปรากฏว่าได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายให้ถอนคำร้องทุกข์แต่อย่างใด ทั้งใบแต่งทนายความก็มิได้ระบุครอบคลุมให้ทนายความมีอำนาจกระทำได้ ดังนี้การถอนคำร้องทุกข์จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง เมื่ออ่านคำสั่งศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้ว ให้รีบส่งสำนวนคืนศาลฎีกา

Share