แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสองแถลงคัดค้าน (อันดับ 145)
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์ในสำนวนหลังกับจำเลยที่ 1 ในสำนวนแรกว่า โจทก์ที่ 1เรียกจำเลยที่ 2 ในสำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 2 เรียกโจทก์ที่ 1ในสำนวนแรกกับจำเลยที่ 3 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 1 เรียกโจทก์ที่ 2 ในสำนวนแรกกับจำเลยที่ 2 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 2และเรียกจำเลยที่ 1 ในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท โจทก์ที่ 1กระทรวงมหาดไทย โจทก์ที่ 2 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 150,000 บาทและ 92,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่บริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด จำเลยที่ 1 และนายสมชัยติรเศรษฐเสมา จำเลยที่ 2 ตามลำดับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสองเสีย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้นายล้อม โสใต้นายสมชัยติรเศรษฐเสมา และบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัดจำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 60,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่สำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท โจทก์ ยกฟ้องของบริษัทร.ส.พ.ประกันภัย จำกัด และนายสมชัยติรเศรษฐเสมา
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่างฎีกา(อันดับ 135,140)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 139)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 2 คนใดคนหนึ่งหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลาห้าปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง
