แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาห้ามมิให้ฎีกา จะฎีกาได้ต่อเมื่อศาลมีคำพิพากษาหรือชี้ขาดคดีแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 และมาตรา 247จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสาม
จำเลยทั้งสามเห็นว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ดังกล่าวมิใช่เป็นการพิจารณาพิพากษาในเรื่องเนื้อหาอนาถาของโจทก์อันได้แก่ยากจนจริงและมีมูลจริงหรือไม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์นั้นกลายเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไปได้ จำเลยทั้งสามจึงมีสิทธิฎีกาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้ทันทีเพราะไม่มีบทกฎหมายใดห้ามไว้และไม่ต้องด้วยบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 226 และมาตรา 247 อีกทั้งฎีกาของจำเลยก็เป็นการฎีกาในข้อกฎหมายคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เฉพาะที่ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนอนาถาแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีเท่านั้น หาได้ฎีกาในเนื้อหาเรื่องอนาถาของโจทก์แต่อย่างใดไม่ ทั้งนี้เพราะเมื่อศาลชั้นต้นงดการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ เนื่องจากคำฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง และโจทก์ยังไม่เกิดสิทธิโต้แย้งตามกฎหมาย และสั่งให้โจทก์นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน7 วัน หากประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปนั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งรับคำฟ้องของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ แต่ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาใหม่ เท่ากับเป็นการอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเดิมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งไว้ในตอนแรกว่าคดีของโจทก์ยังไม่เกิดสิทธิโต้แย้งตามกฎหมาย กลายเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายขึ้นมานั่นเอง กรณีนี้จึงไม่มีบทกฎหมายใดสนับสนุนและอนุญาตให้โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องได้ และเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 48)
จำเลยทั้งสามชำระค่าคำร้องมา 200 บาท
โจทก์ฟ้องพร้อมยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ขอให้จำเลยทั้งสามแบ่งทรัพย์มรดกของพลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์จากทรัพย์สินเป็นเงิน 116,172,770.44 บาท ให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 21,122,321.90 บาท ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถา ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยโดยไม่จำต้องไต่สวนพยานโจทก์ จึงให้งดการไต่สวน แล้วมีคำสั่งว่าตามคำฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสามไม่ยอมแบ่งมรดกให้โจทก์อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แต่อย่างใด คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลที่จะฟ้องร้อง ให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหากโจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไปให้นำค่าธรรมเนียมศาลมาชำระภายใน 7 วันนับแต่วันนี้
โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง เนื่องจากพิมพ์ข้อความผิดพลาดและขาดตกบกพร่อง ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลยังมิได้สั่งรับฟ้อง จึงไม่มีคำฟ้องที่โจทก์จะขอแก้ได้ ให้ยกคำร้อง
ในวันเดียวกับที่โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ต่อไป อ้างว่าตามคำร้องขอแก้ไขฟ้องของโจทก์ คดีของโจทก์มีมูลที่จะฟ้องร้อง และโจทก์ทั้งสองก็เป็นคนยากจนไม่มีเงินที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาลสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาและคำร้องขอแก้ฟ้องไปแล้ว ไม่มีเหตุที่จะสั่งไต่สวนใหม่ ให้ยกคำร้อง
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น เฉพาะที่เกี่ยวกับคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องและคำร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาใหม่ของโจทก์ อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาใหม่ของโจทก์ แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี นอกจากนี้คงให้เป็นไปตามคำสั่งศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 36)
จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)
คำสั่ง
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่อนุญาตให้โจทก์เพิ่มเติมฟ้องและให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอฟ้องอย่างคนอนาถาใหม่ของโจทก์นั้น ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226,247 ให้ศาลชั้นต้นรับฎีกาจำเลยทั้งสามไว้ดำเนินการต่อไป คืนค่าคำร้องที่ชำระเกินมา 160 บาทแก่จำเลยทั้งสาม