แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา มีทางชนะโจทก์ได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 135)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยทั้งสองจัดการรื้อถอนเสาบ้านฝาบ้านหลังคาบ้านหรือตัวบ้าน เพิงหน้าบ้านที่ทำเป็นห้องเพิงหลังบ้านที่ทำเป็นครัว ห้องน้ำ รั้วบ้านและต้นไม้ที่รุกล้ำหรืออยู่บนที่ดินของโจทก์ และทำที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมแล้วส่งมอบคืนโจทก์ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยทั้งสอง หากไม่ปฏิบัติตามก็ให้โจทก์มีสิทธิเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำดังกล่าวโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย กับให้จำเลยทั้งสองจัดทำรางรองรับน้ำเพื่อมิให้น้ำจากหลังคาบ้านของจำเลยทั้งสองตกลงในที่ดินของโจทก์ และให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเวลา 1 ปีก่อนฟ้องคดีเป็นเงิน 1,800 บาท กับค่าเสียหายในอัตราเดือนละ 150 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนและขนย้ายโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้(อันดับ 129,128)
จำเลยทั้งสองยื่นคำแถลงขอถือเอาจำนวนเงิน 2,000 บาท ที่เกินจากค่าเสียหายที่วางไว้ในชั้นอุทธรณ์ตามที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้หาหลักทรัพย์หรือหลักประกันค่าเสียหายมาวางศาลเป็นเงิน 6,000 บาทเป็นส่วนหนึ่งในการประกันชั้นฎีกา ซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องวางประกันค่าเสียหายในชั้นฎีกาหลังจากที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในระยะเวลา 26 เดือน เดือนละ 150 บาท เป็นเงิน3,900 บาท (คำนวณจากวันที่ 8 พฤษภาคม 2527 ถึง 17 มิถุนายน 2529)และจำเลยทั้งสองขอนำเงินสดจำนวน 1,900 บาท มาเพิ่มเติมเพื่อให้ครบถ้วนตามคำสั่ง ศาลชั้นต้นอนุญาต (อันดับ 132)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์โดยในเรื่องค่าเสียหายจำเลยที่ 1 ได้นำใบหุ้นธนาคารทหารไทยเลขที่ 028856 และ 008698 รวมเป็นเงิน 8,000 บาท มาเป็นหลักประกันและทำหนังสือประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 110,118)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ทุเลาการบังคับทั้งในเรื่องให้รื้อถอนโรงเรือน และในเรื่องค่าเสียหายไว้ในระหว่างฎีกา สำหรับค่าเสียหายให้ถือหลักประกันเดิมรวมกับหลักประกันที่จำเลยนำมาวางเพิ่มในชั้นฎีกา
