แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ฎีกา มีทางชนะคดีอย่างแน่นอน โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 5 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 141 แผ่นที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ที่ 1 จำนวน 43,550 บาท โจทก์ที่ 2 และ 3 คนละ 23,350 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะชำระ ให้โจทก์ที่ 1 ถึง 3 เสร็จสิ้น ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ที่ 4 โจทก์ที่ 5 คนละ 33,350 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสี่จะชำระให้แก่โจทก์ที่ 4 และโจทก์ที่ 5 เสร็จสิ้น นอกจากที่แก้คงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ฎีกา และทนายจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 138,139)
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวได้นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ของตนจำนวน 1 ฉบับ และในฐานะผู้รับมอบฉันทะจากเจ้าของกรรมสิทธิ์อีก 5 คน นำหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) อีก 7 ฉบับ รวมเป็น 8 ฉบับ รวมราคาประมาณ 131,000 บาทมาวางไว้เป็นประกันต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 126 ถึง 129)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าหากจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 หาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีกำหนด 8 ปีนับแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน2523 เป็นต้นไปมาวางจนเป็นที่พอใจและภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา สำหรับหลักทรัพย์ที่ไม่ใช่ของจำเลยให้ทำสัญญาค้ำประกันไว้ด้วยมิฉะนั้นให้ยกคำร้อง