แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาขอให้พิจารณาคดีใหม่ มีเหตุผลเพียงพอที่จะกลับคำสั่งของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 60)
สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดพิจารณา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดพิจารณา แล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระต้นเงินกู้จำนวน900,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำนวน 162,977 บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 19.5 ต่อปีในต้นเงิน 900,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้เสร็จ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระ ให้ยึดที่ดินโฉนดที่ 52273 ตำบลคลองตัน(บางกะปิฝั่งใต้)อำเภอพระโขนง(บางกะปิ) กรุงเทพมหานครของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยทั้งสอง นอกจากจะไม่มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้ว ข้ออ้างถึงเหตุที่มิได้มาศาลในวันนัด ก็ไม่มีเหตุผลอันควรรับฟัง เพราะทนายจำเลยทราบวันนัดชี้สองสถานแล้ว แต่มิได้มาศาลหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นมาแทน ซึ่งกฎหมายถือว่าจำเลยทราบนัดแล้ว ข้ออ้างของทนายจำเลยที่ว่าได้ไปตรวจดูวันนัดที่ปิดอยู่ที่กระดานของศาล ไม่มีเลขคดีซึ่งจำเลยลงผิดไปนั้น ไม่น่าเชื่อ เพราะการประกาศมิได้มีเฉพาะเลขคดี แต่มีชื่อคู่ความด้วย จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 58,57)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้งดการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์แต่จำเลยทั้งสองไม่วางหลักประกันเพิ่มตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด(อันดับ 36,45)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ให้ศาลชั้นต้นตีราคาทรัพย์สินที่จำนองถ้าไม่พอชำระต้นเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมีกำหนด 2 ปี ก็ให้จำเลยที่ 1 หรือที่ 2 คนใดคนหนึ่งหรือร่วมกันหาประกันมาให้ครบภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง