คำสั่งคำร้องที่ 2298/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาข้อ (2)ของโจทก์ ส่วนฎีกาข้อ (1) ของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี และไม่ปรับ เป็นว่าให้รอการลงโทษ จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219จึงไม่รับฎีกาข้อ (1) ของโจทก์
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาข้อ (1) ที่ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี โดยไม่แก้กำหนดโทษ เป็นการพิพากษาแก้ไขมาก อีกทั้งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เกินกว่า 1 ปี จึงไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218,219 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ทั้งสองฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265,268,83,91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4ศาลชั้นต้นอนุญาต และให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอมตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,265,268,83 ให้ลงโทษจำเลยที่ 1ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 กระทงเดียว จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2ไว้คนละ 2 ปี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 และให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 106 แผ่นที่ 2)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 110)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้มีกำหนด 2 ปี แม้จะรอการลงโทษหรือไม่ก็ตามคู่ความย่อมต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งสอง ข้อ 1(1) เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share