คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7966/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว มีอำนาจเก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่จำเลยหรือซึ่งจำเลยมิสิทธิจะได้รับจากผู้อื่นตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22 (2)
ลูกจ้างและกรรมการของบริษัทจำเลยชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ผู้ที่ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนจำเลยผู้ให้กู้ จึงถือ ไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา 315 หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไป และการรับชำระหนี้ดังกล่าว ไม่ก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและบุคคลผู้ที่ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้อง ใช้สิทธิในการทวงถามหนี้เงินกู้จากลูกจ้างและกรรมการของจำเลยผู้กู้และไม่อาจใช้อำนาจตามมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 เรียกร้องให้ผู้ที่ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๓๐ และพิพากษาให้จำเลยเป็นบุคคลล้มละลายเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๓๑ ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัททิพยสิน จำกัด) ยื่นคำแถลงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านอ้างว่า จำเลยมีสิทธิเรียกร้องให้ นางสาวอมร โมฬีนนท์ นายมงคล สองเมือง และนายสมเกียรติ มหาวนิช ซึ่งเคยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยและได้รับเงินไว้แทนจำเลยจำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ขอให้ผู้คัดค้านแจ้งความเป็นหนังสือไปยังบุคคลดังกล่าวให้ชำระเงินแก่กองทรัพย์สินของจำเลยตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙ ผู้คัดค้านสอบสวนแล้วมีคำสั่งว่า สิทธิเรียกร้องของจำเลยตามคำแถลงของผู้ร้องมิได้มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาด กรณีไม่ต้องด้วย พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๑๙ ผู้คัดค้านไม่มีอำนาจแจ้งความเป็นหนังสือไปยังบุคคลดังกล่าวให้ชำระเงินตาม คำแถลงได้ ให้ยกคำแถลง
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของผู้คัดค้านต่อศาลชั้นต้น ขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านและมีคำสั่งให้ ผู้คัดค้านแจ้งความเป็นหนังสือไปยังบุคคลดังกล่าวให้ชำระเงิน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท แก่กองทรัพย์สินของจำเลย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายพิจารณาแล้วมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า คำสั่งของผู้คัดค้านชอบ หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่จำเลยหรือซึ่งจำเลยมีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่นตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๒๒ (๒) การที่ลูกจ้างและกรรมการของจำเลยชำระหนี้เงินกู้ให้แก่นางสาวอมร นายมงคล และนายสมเกียรติ โดยบุคคลทั้งสามไม่มีอำนาจรับชำระหนี้แทนจำเลย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้โดยชอบตาม ป.พ.พ. มาตรา ๓๑๕ หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไป และการรับชำระหนี้ดังกล่าวไม่ก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยและบุคคลทั้งสาม เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะต้องใช้สิทธิในการทวงถามหนี้เงินกู้จำนวน ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท จากลูกจ้างและกรรมการของจำเลยผู้กู้ยืมเงินจำนวนนั้นต่อไป ไม่อาจใช้อำนาจตามมาตรา ๑๑๙ แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ เรียกร้องให้นางสาวอมร นายมงคลและนายสมเกียรติชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้ คำสั่งของผู้คัดค้านชอบแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสอง มีคำสั่งและคำพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ .

Share