แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองได้ยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ฉบับลงวันที่6 กรกฎาคม 2532 ไว้ บัดนี้โจทก์กับจำเลยทั้งสองตกลงกันได้โดยจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้เต็มตามคำพิพากษาให้โจทก์แล้วจำเลยทั้งสองจึงขอถอนคำร้องฎีกาคำสั่งดังกล่าว โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ทนายโจทก์แถลงท้ายคำร้องว่า ไม่คัดค้าน (อันดับ 108)กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยทั้งสองอุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องวันนัดไต่สวนคำร้องทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าพยานป่วยศาลชั้นต้นเห็นว่า ตามใบรับรองแพทย์ไม่ปรากฏว่าป่วยด้วยโรคอะไรจนไม่สามารถมาศาลได้ นอกจากพยานปากนี้แล้วจำเลยยังมีพยานปากอื่นอีกแต่ก็ไม่นำมา ทั้งที่ศาลได้กำชับไว้ในนัดที่แล้ว ประกอบกับโจทก์คัดค้าน จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ กรณีฟังไม่ได้ว่าจำเลยยากจนจึงให้ยกคำร้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนและทำการสืบพยานจำเลยต่อไป
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นการประวิงคดี ไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง หากจำเลยทั้งสองยังติดใจอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ก็ให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมชำระต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันทราบคำสั่งนี้
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับ (อันดับ 99)
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องฎีกาคำสั่ง ฉบับลงวันที่ 6 กรกฎาคม2532 ขอให้ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสอง (อันดับ 101)
ศาลฎีกาสั่งคำร้องเสร็จและส่งไปให้ศาลชั้นต้นนัดคู่ความฟังแล้ว ก่อนถึงวันนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้จำเลยทั้งสองถอนคำร้องได้