คำสั่งคำร้องที่ 1424/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลรับฎีกาที่ยื่นต่อศาลเกินกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2531 ผู้ร้องยื่นฎีกาวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2532 จึงเกินกำหนดหนึ่งเดือนแล้วไม่รับฎีกา อนึ่งเหตุตามที่ผู้ร้องอ้างในคำร้องลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2532 มิใช่เหตุสุดวิสัย ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2531 แต่ผู้ร้องไม่ทราบวันนัดเนื่องจากเจ้าพนักงานศาลได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาไปส่งโดยปิดหมายไว้ณ บ้านเลขที่ 10/3-4 ถนนเศรษฐศิริ กรุงเทพมหานคร โดยสถานที่ดังกล่าวมิใช่ภูมิลำเนาหรือสถานที่ทำการของผู้ร้องหรือของทนายผู้ร้อง ทั้งนี้เพราะทนายความของผู้ร้องได้ย้ายสำนักงานจากบ้านเลขที่ดังกล่าวไปอยู่ที่อื่นแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2530การส่งหมายจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทนายผู้ร้องเพิ่งทราบเมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ 2532 ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นำประกาศขายทอดตลาดไปปิดที่บ้านที่ถูกยึด ดังนั้นจึงถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่ผู้ร้องจะทราบกำหนดได้ เมื่อผู้ร้องยื่นฎีกาในวันที่ 22กุมภาพันธ์ 2532 จึงยังไม่พ้นกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ทราบเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้ดำเนินการต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 101) เฉพาะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงคัดค้าน(อันดับ 103)
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามเป็นบุคคลล้มละลาย และโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยึดทรัพย์หลายรายการโดยอ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งไม่ถอนการยึด ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น 2 ฉบับ ฉบับแรกลงวันที่ 12 มีนาคม 2529 ขอขยายเวลายื่นคำคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต ฉบับที่สองลงวันที่ 14 มีนาคม 2529 ขอให้ศาลมีคำสั่งกลับหรือแก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้มีผลเป็นการถอนการยึดทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ผู้ร้องไม่เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์และไม่ยื่นภายใน 14 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่งทั้งสองคำสั่งดังกล่าวโดยอุทธรณ์ฉบับเดียวกันและเสียค่าขึ้นศาล 200 บาท ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลที่ยังขาดอีก 200 บาทจากผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ชำระ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ถือว่าผู้ร้องทิ้งอุทธรณ์ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลรับฎีกาที่ยื่นเกินกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาและให้ยกคำร้องดังกล่าว(อันดับ 94,93)
ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 96)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของผู้ร้อง ย่อมนับได้ว่าเป็นกรณีที่มีเหตุสุดวิสัยที่ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาได้ก่อนสิ้นระยะเวลายื่นฎีกา และถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้ผู้ร้องได้ สมควรที่ศาลชั้นต้นจะทำการไต่สวนฟังข้อเท็จจริงก่อน จึงให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องและสั่งไม่รับฎีกาของผู้ร้อง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งใหม่ทั้งหมด

Share