แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาข้อหาฐาน ความผิดฐานจัดหางานซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำคุกจำเลย1 ปี6 เดือน จึงต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง และฎีกาของจำเลยล้วนแต่ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานว่า เอกสารหมายล.1 และ ล.2 ได้ระบุไว้ชัดแล้วว่าจำเลยเป็นเพียงผู้ช่วยเหลืออำนวยความสะดวก ติดต่อกับบริษัทหางานให้เท่านั้น มิได้เป็นผู้จัดหางานให้คนงานไปทำงานในต่างประเทศแต่อย่างใดการที่ศาลวินิจฉัยและพิพากษาโดยฟังพยานบุคคลไม่รับฟังพยานเอกสาร จึงเป็นการขัดต่อตัวบทกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้ รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วยหมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 167)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 เนื่องจากจำเลยได้ชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายบางคนจนเป็นที่พอใจและผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ เห็นควรลงโทษจำเลยในสถานเบาจึงให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานนี้ 6 เดือน และผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 30,82 จำคุกจำเลย 3 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานนี้เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยฐานนี้ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุกจำเลย 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโจทก์และจำเลยฎีกา เฉพาะฎีกาของจำเลยศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 154,159)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 167)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับฟังพยาน เอกสารเป็นการขัดและวินิจฉัยข้อกฎหมายนอกเหนือจากตัวบทกฎหมายไม่ชอบด้วยความยุติธรรมและตัวบทกฎหมายนั้น เห็นศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าข้อหาจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดย ไม่ได้รับอนุญาตนั้น จำเลยให้การรับสารภาพ ที่ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยกระทำความผิดดังกล่าวเพราะเชื่อคำให้การรับสารภาพของจำเลยไม่ใช่ไม่รับฟังพยานเอกสารดังจำเลยฎีกา ฉะนั้นฎีกาของจำเลยจึงเป็น การโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นการ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง