แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาหรือลงชื่อในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า กรณีไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ไม่อนุญาตให้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาว่าเมื่อผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยได้กระทำโดยประมาทหรือไม่นั้น เป็นประเด็นข้อแพ้ชนะในคดี อันควรสู่ศาลสูงสุดได้วินิจฉัยอีกครั้ง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก ให้จำคุก 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษามีคำสั่งอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณา และลงชื่อในคำพิพากษาและศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 200,199)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 207)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง เมื่อผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นไม่อนุญาต ให้จำเลยฎีกา ย่อมเป็นดุลพินิจและเป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้พิพากษาผู้พิจารณาคดี จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลฎีกาอนุญาตให้จำเลยฎีกาและรับฎีกาของจำเลยอีกหาได้ไม่ ให้ยกคำร้อง