แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยผู้ขอประกันขอใช้หลักทรัพย์เดิมเป็นหลักประกัน
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ของทางราชการ และฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,157เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน และแต่ละกรรมเป็นความผิดหลายบทลงโทษตามบทหนักคือ มาตรา 147 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90เป็นความผิดหลายกรรม รวม 3 กรรม 3 กระทงความผิดให้จำคุกกระทงละ 5 ปี เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 รวมจำคุก 15 ปี จำเลยนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอีกทั้งจำเลยได้นำเงินชดใช้ให้แก่ทางราชการครบถ้วนแล้วภายหลังกระทำผิดนับว่าเป็นเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย 10 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 บทเดียวส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90,157 ให้ยกนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว โดยแถลงในคำร้องประกอบว่าจะยื่นฎีกาต่อไป (สำนวนธุรการ อันดับ 44,43)
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ อนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวโดยศาลอุทธรณ์ตีราคาประกัน 200,000 บาท (สำนวนธุรการ อันดับ 1,27)
คำสั่ง
อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ตีราคาค่าประกันสี่แสนบาทให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันหรือหลักประกันเพิ่มแล้วดำเนินการต่อไป