คำสั่งคำร้องที่ 2624/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งให้จำหน่ายคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนั้นคดีนี้จึงถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 จึงไม่รับฎีกาจำเลยเห็นว่า กรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตัดพยานจำเลยไม่ยอมให้จำเลยนำพยานเข้าสืบในศาลชั้นต้นเพราะทนายจำเลยอ้างคำร้องขอเลื่อนคดีว่าเกิดเจ็บป่วยนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ควรสู่ศาลฎีกาและจำเลยถือเอาฎีกาคำสั่งของจำเลยฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2532เป็นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยด้วย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน3,001,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละสิบเก้าต่อปีนับแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2529 จนถึงวันที่ 29 มกราคม 2530ในอัตราร้อยละสิบแปดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 30 มกราคม 2530 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้องต้องไม่เกินกว่า611,013.69 บาท หากจำเลยไม่ชำระให้ยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งจดทะเบียนจำนองไว้ตามฟ้องออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้หากไม่พอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระจนครบ จำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยป่วยกะทันหัน ศาลชั้นต้นอนุญาตและกำชับให้จำเลยนำพยานมาไต่สวนให้เสร็จในนัดหน้า หากขอเลื่อนการไต่สวนให้ล่าช้าต่อไปอีกจะถือว่าประวิงคดี ต่อมาถึงวันนัดจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าทนายจำเลยเกิดท้องร่วงอย่างรุนแรงกะทันหันไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ทนายโจทก์แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยได้ขอเลื่อนคดีมาครั้งหนึ่งแล้ว ศาลได้กำชับจำเลยให้นำพยานมาทำการไต่สวนให้เสร็จสิ้นในวันนี้มิให้เลื่อนคดีให้ล่าช้าต่อไปอีกมิฉะนั้นจะถือว่าจำเลยจงใจประวิงคดี เมื่อฝ่ายจำเลยไม่นำพาคำกำชับของศาลและคำร้องก็มิได้แนบหลักฐานใบรับรองแพทย์ทั้งตัวจำเลยและพยานก็มิได้มาศาล ประกอบกับฝ่ายโจทก์แถลงคัดค้านเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีถือได้ว่าจำเลยจงใจประวิงคดี จึงให้งดการไต่สวนให้จำเลยนำค่าธรรมเนียมมาวางศาลให้ครบถ้วนภายใน 15 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าไม่ติดใจอุทธรณ์อีกต่อไป จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งว่ารับเป็นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย สำเนาให้โจทก์ให้จำเลยผู้อุทธรณ์นำส่งภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้ปิดหมายหากไม่นำส่งภายในกำหนดให้ถือว่าทิ้งอุทธรณ์ แต่จำเลยไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งให้โจทก์ตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า พิเคราะห์แล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งให้จำเลยผู้อุทธรณ์คำสั่งนำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นให้โจทก์ภายในกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ให้จำหน่ายคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นของจำเลยเสีย(อันดับ 72)
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 80)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเพราะจำเลยทิ้งคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นสั่งตัดพยานของจำเลยเป็นการไม่ชอบ ฎีกาของจำเลยจึงมิได้โต้แย้งโดยชัดแจ้งว่า ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นไม่ชอบอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share