แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้โจทก์ได้ยึดและอายัดที่ดินกองมรดกของบิดามารดาของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีนายปรีชา เทพสง่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดก โดยยึดและอายัดเฉพาะส่วนที่จำเลยที่ 2 มีสิทธิได้รับตามกฎหมาย 1 ใน 5 ของที่ดินที่ยึดและอายัดทั้งหมด แต่ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขัดทรัพย์อ้างว่า ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสาม ศาลชั้นต้นนัดสืบพยาน ในระหว่างสืบพยาน ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเปลี่ยนหลักประกันแทนที่ดินพิพาทโดยขอวางสมุดเงินฝากของธนาคารแทน ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตนั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบและไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ เพราะคดีร้องขัดทรัพย์นี้ยังไม่มีการสืบพยานโจทก์และของผู้ร้องเลย จึงไม่ทราบว่าที่ดินพิพาทดังกล่าวเป็นที่ดินของใครแน่ นอกจากนี้สมุดเงินฝากของธนาคารที่ผู้ร้องนำมาเปลี่ยนเอาที่ดินพิพาทไปจำหน่ายจ่ายโอนแล้วนั้นไม่ใช่มูลเหตุหรือมูลคดีแห่งการร้องขัดทรัพย์เป็นคดีนี้ และยังมีค่าน้อยต่ำกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษามากและมีจำนวนแน่นอนตายตัวขึ้นราคาไม่ได้ ดังนั้นหากให้มีการขายทอดตลาดที่ดินที่โจทก์ยึดและอายัดแล้ว โจทก์อาจได้รับชำระหนี้คุ้มกับหนี้ตามคำพิพากษาไม่ต้องตามยึดหรืออายัดทรัพย์อื่น ๆ อีก เพราะเวลานี้จำเลยและผู้ร้องไม่มีทรัพย์สินอะไรที่มีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของอยู่เลย นอกจากสมุดเงินฝากดังกล่าว อีกทั้งคดีร้องขัดทรัพย์นี้ โจทก์มีทางชนะคดีเพราะที่ดินพิพาทไม่มีชื่อผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าของอยู่ในทะเบียนหน้าโฉนดที่ดินเลย ส่วนบางแปลงที่มีชื่อผู้ร้องที่ 1เป็นเจ้าของอยู่บ้างนั้นก็หลังจากที่ผู้ร้องที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกของจำเลยที่ 2 ได้ทราบข้อความจากหนังสือเตือนของโจทก์กำหนดให้ผู้ร้องที่ 1 จัดการโอนใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินเพื่อโจทก์จะได้บังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งและศาลจังหวัดสมุทรปราการในคดีนี้แล้ว เมื่อผู้ร้องที่ 1 ทราบข้อความจากหนังสือดังกล่าว จึงได้ใช้อำนาจหน้าที่ผู้จัดการมรดกช่วยจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพี่ชายพ่อแม่เดียวกัน ฉ้อฉลโกงโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้โดยใส่ชื่อผู้ร้องที่ 1 เป็นเจ้าของเสียแทน เป็นการไม่ชอบดังนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและศีลธรรมอันดี ขอศาลฎีกาโปรดสั่งให้คุ้มครองสิทธิแก่โจทก์โดยให้ผู้ร้องทั้งสามนำเงินมาทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลให้คุ้มกับหนี้ หรือเกินกว่าหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์และห้ามไม่ให้ผู้ร้องถอนสมุดเงินฝากดังกล่าวคืนไปจากศาลจนกว่าคดีร้องขัดทรัพย์จะถึงที่สุด โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ผู้ร้องทั้งสามแถลงคัดค้าน (อันดับ 57)
คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่าการที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินมีโฉนดตั้งอยู่ที่ตำบลบางแก้วอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 39 แปลง และที่ดินโฉนดที่ 4536 ตำบลบางกระสอบ อำเภอเมืองสมุทรปราการ (พระประแดง)จังหวัดสมุทรปราการ อีก 1 แปลง รวม 40 แปลง และขอให้อายัดห้ามทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินมีโฉนดทั้งอยู่ที่ตำบลบางจาก อำเภอพระโขนงกรุงเทพมหานคร จำนวน 28 แปลง และที่ดินโฉนดที่ 1294 ตำบลพระโขนงฝั่งใต้ อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร อีก 1 แปลงรวม 29 แปลง ซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของนายลบและนางแถม เทพสง่า(บิดา มารดาของจำเลยที่ 2) โดยยึดและอายัดเฉพาะส่วนที่จำเลยที่ 2มีสิทธิได้รับมรดกตามส่วนของตน และอายัดสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 2ที่มีสิทธิได้รับเงินส่วนแบ่งมรดกจากการที่เจ้ามรดกร่วมจัดสรรที่ดินกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านและที่ดินเปรมฤทัยเป็นรายเดือนทุกเดือนซึ่งทรัพย์ที่โจทก์นำยึดและอายัดเป็นของผู้ร้องทั้งสาม ขอให้ศาลมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดและเพิกถอนการอายัดที่ดินและสิทธิเรียกร้องดังกล่าว ในระหว่างสืบพยานผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 7 กันยายน 2531 ว่าที่ดินและสิทธิเรียกร้องที่โจทก์นำยึดและอายัดนั้นเป็นของผู้ร้องทั้งสาม โดยที่ดินที่ตำบลบางแก้วอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ รวม 39 แปลง มีภาระผูกพันจัดสรรแบ่งขายให้แก่บุคคลภายนอกตั้งแต่บิดามารดาของผู้ร้องทั้งสามยังมีชีวิต โดยจัดสรรร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบ้านและที่ดินเปรมฤทัย ส่วนที่ดินโฉนดที่ 4536 กับที่ดินที่อายัดห้ามทำนิติกรรมอีก 29 แปลง ผู้ร้องทั้งสามจำเป็นต้องนำออกใช้หาประโยชน์และส่วนใหญ่ได้ทำนิติกรรมไว้กับบุคคลอื่นแล้ว ขอวางหลักทรัพย์สมุดเงินฝากประจำหรือออมทรัพย์จำนวน 1,620,000 บาทไว้แทนที่ดินที่ยึดและอายัด รวม 69 แปลง และขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการบังคับคดีหรือถอนการยึดและอายัดที่ดินดังกล่าว โจทก์แถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา (อันดับ 49)
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 52)
อนึ่ง ไม่ปรากฏใบแต่งทนายของผู้ร้องทั้งสามในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ในชั้นร้องขัดทรัพย์มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยแต่เพียงว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทซึ่งโจทก์นำยึดและอายัดไว้หรือไม่ ถึงหากศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ก็มีสิทธิเพียงขอให้ผู้ร้องชำระค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่โจทก์อาจได้รับเนื่องจากเหตุเนิ่นช้าในการบังคับคดีอันเกิดแต่การยื่นคำร้องขัดทรัพย์ หามีสิทธิบังคับให้ผู้ร้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาจนครบแก่โจทก์ไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิร้องขอให้ศาลสั่งให้ผู้ร้องนำเงินมาวางประกันต่อศาลจนคุ้มกับหรือเกินกว่าหนี้ตามคำพิพากษา แต่เห็นสมควรให้ผู้ร้องวางสมุดบัญชีเงินฝากประจำต่อศาลเพื่อเป็นประกันค่าสินไหมทดแทนที่โจทก์อาจได้รับต่อไปในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งนี้ให้ธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาพระประแดง ทราบด้วย