คำสั่งคำร้องที่ 1563/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งเจ็ดฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยทั้งเจ็ดเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าจำเลยทั้งเจ็ดไม่ต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดแก่ตนตามมาตรา 1601 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้ว่ากันมาแล้วในศาลล่างทั้งสอง นอกจากนี้ยังได้ฎีกาอีกว่าการนับอายุความฟ้องร้องคดีนี้จะนับจากมูลหนี้ตามตั๋วเงินหรือตามอายุความในเรื่องมรดกและโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งเจ็ดไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 107)
จำเลยทั้งเจ็ดชำระค่าขึ้นศาลมา 200 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชำระหนี้ให้กับโจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งเจ็ดจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์แต่ทั้งนี้จำเลยทั้งเจ็ดไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกของนายกวงเอี๋ยว แซ่ตั้ง ผู้ตายที่ตกทอดได้แก่ตน คำขออื่นที่เกินไปกว่านี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งเจ็ดฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 96)
จำเลยทั้งเจ็ดจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 100)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วฎีกาของจำเลยทั้งเจ็ดล้วนโต้แย้งดุลพินิจในการฟังข้อเท็จจริงของศาลอุทธรณ์เพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามความประสงค์ของจำเลยทั้งเจ็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำเลยทั้งเจ็ดมุ่งหมายให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เช็คพิพาทมีมูลหนี้มาจากการเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งศาลล่างทั้งสองมิได้ฟังเช่นนั้นทั้งข้ออ้างของจำเลยทั้งเจ็ดนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยทั้งเจ็ดมิได้กล่าวอ้างมาในคำให้การของจำเลยทั้งเจ็ด ฎีกาของจำเลยทั้งเจ็ดจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งเจ็ดชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง คืนค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งเจ็ดโดยหักเป็นค่าคำร้องไว้ 40 บาท

Share