คำสั่งคำร้องที่ 1470/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ประกันยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ที่ศาลสั่งรับฎีกาคำสั่งของนายประกันไปนั้น จึงเป็นการสั่งรับไปโดยผิดหลง จึงให้เพิกถอนคำสั่งรับฎีกาดังกล่าวเสีย และมีคำสั่งใหม่เป็นว่า ไม่รับฎีกาของนายประกัน
ผู้ประกันเห็นว่า กฎหมายย่อมไม่มีผลย้อนหลังเป็นโทษ เมื่อสิทธิของนายประกันเกิดขึ้นก่อนที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 ใช้บังคับแล้ว นายประกันจึงมีสิทธิฎีกาได้ตามกฎหมายเก่าที่ให้อุทธรณ์ฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ประกันไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 22 แผ่นที่ 2)คดีสืบเนื่องจากผู้ประกันได้ทำสัญญาประกันตัว นางสาวรัตนา แซ่กี้ ผู้ต้องหา ไว้ในระหว่างสอบสวนเป็นจำนวนเงิน 60,000 บาท แล้วผิดนัดไม่ส่งตัวผู้ต้องหาตามกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ ออกหมายจับผู้ต้องหาและปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญา ให้ชำระค่าปรับภายใน 30 วัน (อันดับ 10)
ผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นขอให้ลดค่าปรับเหลือเพียง10,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 17)
ผู้ประกันจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 21)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ประกันยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม2533 หลังจากพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 ใช้บังคับแล้ว การพิจารณาว่าผู้ประกันจะฎีกาได้หรือไม่ต้องพิจารณาตามบทกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะยื่นฎีกาคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยแล้วผู้ประกันจึงฎีกาไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของผู้ประกันชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share