คำสั่งคำร้องที่ 1388/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นฎีกา มีทางชนะคดีโจทก์ได้ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 91แผ่นที่ 2)
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินให้โจทก์ 99,310.46 บาท โดยให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดตามจำนวนมูลค่าหุ้น ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยังค้างชำระต่อจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ใช้ดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 86,060 บาท นับแต่ วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ชำระเงินแก่โจทก์คนละ 43,030 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ 6 มีนาคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 89, 88)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ แต่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่นำหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกันต่อศาล ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด (อันดับ 68, 71) โจทก์ดำเนินการบังคับคดี
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอวางเงินสด(แคชเชียร์เช็ค) และขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 วางหลักประกันไว้ตามที่ศาลอุทธรณ์สั่งถือว่าได้รับทุเลาการบังคับคดีตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ (อันดับ 74,78,81,80)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 2 ที่ 3 หาประกันสำหรับจำนวนต้นเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีมีกำหนด 6 ปี มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกามิฉะนั้นให้ยกคำร้อง

Share