แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า จำเลยไม่เคยถูกฟ้องดังเช่นคดีนี้มาก่อนจำเลยมีอาชีพค้าขาย ไม่มีความรู้ และไม่ทราบขั้นตอนของกฎหมาย จึงเข้าใจว่าระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลแรงงานกลางมีกำหนดระยะเวลา 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งอีกทั้งจำเลยได้กระตือรือร้นและตั้งใจจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาโดยทนายจำเลยรีบทำอุทธรณ์และยื่นต่อศาลในวันเดียวกับที่จำเลยได้พบและแต่งตั้งให้เป็นทนาย ประกอบกับจำเลยได้วางเงินที่จะ ต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง และศาลมีคำสั่งให้รับไว้แล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 72)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 4,800 บาท ค่าชดเชยจำนวน 6,000 บาท และออก ใบสำคัญแสดงการผ่านงานแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 24)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 30)
คำสั่ง
ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 บัญญัติว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานให้อุทธรณ์ได้เฉพาะในข้อกฎหมายไปยังศาลฎีกาภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น คดีนี้ศาลแรงงานกลางได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2533 จำเลยยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2533 ซึ่งเกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานกลางอ่านคำพิพากษา อุทธรณ์ของจำเลยจึงยื่นเมื่อพ้นกำหนดตามกฎหมายแล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบบทบัญญัติของ กฎหมายดังกล่าวโดยเข้าใจว่ายื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 1 เดือน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหาได้ไม่ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง