แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นที่สุดแล้ว ไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองนั้นเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากคดีนี้โจทก์ฟ้องมีทุนทรัพย์ 81,651 บาท จำเลยจึงชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาได้ การที่จำเลยอุทธรณ์และตั้งทุนทรัพย์ไว้30,000 บาทนั้น ก็เพราะศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย ให้โจทก์เป็นจำนวนเงินดังกล่าว และปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลย อุทธรณ์ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่มีผลต่อการวินิจฉัยถึงการแพ้ หรือชนะคดี จึงเป็นประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์(ฎีกาคำสั่ง) ของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 57)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 30,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาทอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสอง ข้อ 3 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนข้อ 2(1)(2) เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์ว่าอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นว่าอุทธรณ์ข้อ 2.1 และ 2.2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายก็ตามแต่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ส่วนอุทธรณ์ข้อ 3เห็นว่าข้อความที่พยานโจทก์ทั้งสองปากเบิกความไม่เหมือนกันอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่แก้ไขแล้วศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้ว ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 54)
จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)
คำสั่ง
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ยืนตามคำปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นเป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ