แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม แม้จะมีข้อกฎหมายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่ฟ้องทั้งสามศาลเกินกว่า50,000 บาท จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ยกฟ้องของโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าวเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2535(อันดับ 60)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ในวันที่ 26 สิงหาคม 2535(อันดับ 62)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534มาตรา 18 บัญญัติว่า ในคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฯลฯ คดีนี้โจทก์ยื่นฎีกาเมื่อวันที่20 กรกฎาคม 2535 จึงต้องใช้มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ซึ่งใช้อยู่ขณะยื่นฎีกาบังคับ และคดีของโจทก์มีราคาทุนทรัพย์ที่พิพาทกันเพียง 121,986 บาท จึงห้ามมิให้คู่ความฎีกา ในข้อเท็จจริง สำหรับที่โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่า การซื้อขายรถยนต์ของโจทก์ จากจำเลยเป็นการซื้อขายตามคำพรรณนา มิใช่เป็นการซื้อขาย ตามราคาปกติทั่วไปในท้องตลาด ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ข้อกฎหมายข้อนี้โดยเห็นว่าไม่เป็นสาระนั้น แต่อุทธรณ์คำสั่ง ของโจทก์ไม่ได้กล่าวในข้อกฎหมายดังกล่าว ถือว่าเป็น อุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ชัดแจ้ง เป็นการไม่ชอบ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ