คำสั่งคำร้องที่ 2314/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่าที่จำเลยอ้างว่ามิได้แต่งตั้งนายธวัชชัยชุมพงศ์พร เป็นทนายจำเลยนั้น ขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากการดำเนินกระบวนพิจารณาในสำนวนความ ทั้งได้ตรวจ เปรียบเทียบลายมือชื่อจำเลยในใบแต่งทนายนายธวัชชัยแล้วเหมือนกับลายมือชื่อจำเลยที่ปรากฏในที่ต่าง ๆ ในสำนวนความข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้น ถือว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังโดยชอบแล้ว และไม่มีเหตุสุดวิสัยที่จะถือเป็นข้ออ้างเพื่อขยายระยะเวลาฎีกาได้ ให้ยกคำร้อง และสั่งฎีกาว่าจำเลยยื่นฎีกาเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายแล้วจึงไม่รับเป็นฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้แต่งให้นายธวัชชัยเป็นทนายความแก้ต่างคดีให้แก่จำเลยเฉพาะดำเนินคดีในศาลชั้นต้นเท่านั้นแต่นายธวัชชัยได้เพิ่มเติมข้อความอื่น ๆ ในใบแต่งทนายความโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลย อีกทั้งนายธวัชชัยมีส่วนได้เสียกับโจทก์ ต้องการให้จำเลยแพ้คดีโดยเร็ว เพื่อจะได้รับ ส่วนแบ่งผลประโยชน์จากโจทก์ เมื่อรับหมายนัดฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์แล้วไม่แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบและไม่ไปฟัง คำพิพากษา ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากเหตุดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยและมีพฤติการณ์พิเศษ ขอศาลฎีกาได้ โปรดอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาตามขอด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินพิพาท ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 10947 ตำบลสุรศักดิ์(ศรีราชา)อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่พิพาท กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 5,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จคำขออื่นให้ยก
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง และไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 124,123)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ โดยเสียค่าขึ้นศาลมา 200 บาทศาลชั้นต้นให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (อันดับ 128)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของจำเลยกล่าวอ้างว่าจำเลยมิได้แต่งตั้งนายธวัชชัยชุมพงศ์พร เป็นทนายจำเลย ครั้นศาลชั้นต้นวินิจฉัยในคำสั่งว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือแต่งตั้งนายธวัชชัยเป็นทนายจำเลย ข้ออ้างจำเลยฟังไม่ขึ้นจำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งอ้างเหตุว่าได้แต่งตั้งให้นายธวัชชัยเป็นทนายจำเลยเฉพาะดำเนินคดีในศาลชั้นต้นเท่านั้นแต่นายธวัชชัยเพิ่มเติมข้อความอื่นในใบแต่งทนายโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลย เห็นว่า ใบแต่งทนายซึ่งจำเลยแต่งตั้งให้นายธวัชชัยเป็นทนายจำเลยไม่มีข้อพิรุธที่ทำให้เห็นว่านายธวัชชัยได้เพิ่มเติมข้อความใด ๆ ลงไป คงมีลักษณะโดยทั่วไปเหมือนใบแต่งทนายที่จำเลยได้แต่งให้นายนนทวัฒน์ สืบสุข เป็นทนายจำเลย และในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็ได้ยอมให้นายธวัชชัยทนายจำเลยเป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และขอทุเลาการบังคับคดีอีก พฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อได้ว่าจำเลยมอบหมายให้นายธวัชชัย เป็นทนายจำเลยเพื่อใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาด้วย ตามที่ปรากฏใน ใบแต่งทนายลงวันที่ 17 สิงหาคม 2532 ข้ออ้างของจำเลยฟังไม่ขึ้น นอกจากนี้ในวันที่ 15 มกราคม 2533 หลังจากนายธวัชชัยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแทนจำเลยแล้วจำเลยยังได้แต่งให้ นายสมชาย พรจรูญพงศ์ เป็นทนายจำเลยเพื่อใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาอีก และนายสมชายได้ปฏิบัติหน้าที่แทนจำเลยโดยเป็นผู้นำค่าขึ้นศาล ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความใช้แทนโจทก์มา วางศาลอีกด้วย ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้คู่ความฟังโดยชอบแล้ว จำเลยและทนายจำเลยทั้งสองคนมิได้ ฎีกาขึ้นมาภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นเหตุสุดวิสัย และไม่มีพฤติการณ์พิเศษ ที่จะขยายระยะเวลายื่นฎีกาแก่จำเลย ที่ศาลชั้นต้นไม่ขยาย ระยะเวลายื่นฎีกาให้จำเลยนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง ค่าคำร้อง เป็นพับ คืนค่าคำร้องที่ชำระเกินมา 160 บาท แก่จำเลย

Share