แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่ปรากฏ ต่อศาลเป็นอย่างอื่นและคดีมีเหตุควรฎีกาได้ อนุญาตให้โจทก์ ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยยกเว้นให้เสียค่าธรรมเนียมศาล เพียงกึ่งหนึ่ง ให้โจทก์นำเงินมาวางศาลภายใน 7 วัน มิฉะนั้น ถือว่าทิ้งคำร้อง
โจทก์เห็นว่า ปัจจุบันโจทก์ยากจนลงกว่าเดิมเป็นอย่างมากไม่มีโอกาสที่จะทำงานหาเลี้ยงชีพและมีเงินเหลือพอที่จะชำระ ค่าฤชาธรรมเนียมครึ่งหนึ่งตามคำสั่งศาลได้ ทั้งไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะนำมาจำหน่ายจ่ายโอนและไม่มีญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงที่จะขอกู้ยืมมาชำระค่าฤชาธรรมเนียมได้อีกโปรดอนุญาตให้โจทก์ฎีกาอย่างคนอนาถาโดยไม่ต้องวางค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสิ้น
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 แถลงคัดค้าน ส่วนจำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 185,184 แผ่นที่ 3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 550,000 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงินจำนวนดังกล่าวนับแต่วันฟ้องคือวันที่6 ตุลาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมเพียงกึ่งหนึ่งดังกล่าว (อันดับ 179,178)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 180)
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นพิจารณาคดี ของศาลชั้นต้นโดยได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมกึ่งหนึ่ง (อันดับ 69)
คำสั่ง
คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาโดยอ้างว่าโจทก์เป็นคนทุพพลภาพไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีทรัพย์สินจะเสีย ค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาได้ทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตโดยยกเว้นให้เสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาเพียงกึ่งหนึ่งไม่ทำการไต่สวนอนาถาในชั้นฎีกาเสียก่อน เป็นการไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 155 ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของ โจทก์ให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วจึงมีคำสั่งตามรูปคดี