คำสั่งคำร้องที่ 1222/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การที่ศาลได้วินิจฉัยคดีโดยถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอื่นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย

ย่อยาว

ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในขั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก จึงไม่รับฎีกาข้อ 2 ส่วนฎีกาข้อ 3 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รับฎีกาข้อนี้

จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าตามที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงกันตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ลงวันที่ 4 ตุลาคม 2531 ให้ถือเอาพยานหลักฐานในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 832, 1402, 1403/2531 ของศาลชั้นต้น เป็นพยานโจทก์จำเลยในคดีนี้ การที่ศาลในคดีนี้ถือเอาข้อเท็จจริงในคำพิพากษาในคดีอาญาดังกล่าวมาเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ จึงเป็นการมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะคดีนี้มิใช่คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 2 ของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาด้วย

หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่า โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่

ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยที่ 1 รบกวนการครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์อีก คำขออื่นให้ยก

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาเฉพาะบางข้อดังกล่าว (อันดับ 58)

จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)

คำสั่ง

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ศาลได้วินิจฉัยคดีนี้โดยถือตามข้อเท็จจริงในคำพิพากษาคดีอื่นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกา จึงให้รับฎีกาโจทก์ข้อนี้และดำเนินการต่อไป

Share