แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2534ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่าฎีกาข้อ 1 ข้อ 2ที่ว่าการบอกเลิกสัญญาเช่าชอบหรือไม่ จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีและมิได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (น่าจะเป็นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) มาตรา 225 วรรคแรก และมาตรา 249 ฎีา ข้อ 3 เรื่องจำเลยฎีกาคำสั่งศาลชั้นต้นไม่ให้เลื่อนคดี เป็นการฎีกาข้อเท็จจริงโต้เถียงการใช้ดุลพินิจของศาลต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (น่าจะเป็นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง) มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาในวันที่ 1 สิงหาคม 2534ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาฉบับนี้เป็นฉบับเดียวกับฉบับลงวันที่19 กรกฎาคม 2534 ศาลได้มีคำสั่งไว้แล้ว จึงไม่ต้องสั่งอีก
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2534เป็นข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 70)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากตึกแถวของโจทก์ เลขที่ 1422/21 และ 1422/39 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 4,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะออก ไปจากตึกแถวของโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2534 ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2534 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 50,60)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 64)
คำสั่ง
จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกัน มาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย