แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าพิเคราะห์แล้ว แม้คดีนี้โจทก์มีคำขอและศาลอุทธรณ์ภาค 1จะพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนเสาไฟฟ้าออกจากที่พิพาทแต่โจทก์จำเลยก็โต้เถียงอ้างสิทธิครอบครองในที่พิพาท ซึ่งทั้งศาลนี้และศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ยกปัญหาดังกล่าวขึ้นวินิจฉัยก่อน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อที่พิพาทมีเนื้อที่ 56 ตารางวา ทางนำสืบจำเลยที่ 1 ก็อ้างว่าซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. 2523 ในราคา 1,000 บาท ดังนั้นทุนทรัพย์ที่พิพาท จึงไม่เกินสองแสนบาท จำเลยฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 เห็นว่า เป็นการพิพาทกันในประเด็นขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ทั้งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นคำพิพากษาที่มีการแก้ไขมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม ฎีกาของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันถอนเสาไฟฟ้า รื้อสายไฟฟ้าที่ปักและวางผ่านที่ดินของโจทก์ทำที่ดินของโจทก์ให้เป็นดังเดิม
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1รื้อถอนเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าที่ปักวางผ่านที่ดินของโจทก์ทำที่ดินของโจทก์ให้เป็นดังเดิม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 128)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 132)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันถอนเสาไฟฟ้าที่ปักและวางผ่านที่ดินของโจทก์ จึงเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จำเลยที่ 1จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป