แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาข้อกฎหมาย คือ เมื่อ จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทมาเกินกว่า 10 ปี จำเลย ย่อมได้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ซึ่งเป็นข้อกฎหมายอย่างชัดแจ้งและเป็นสาระสำคัญแห่งคดี ทั้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และศาลอุทธรณ์พิพากษาเปลี่ยนแปลงแก้ไขจากศาลชั้นต้น ไม่เป็นการแก้ไขเล็กน้อยอันต้องห้ามฎีกา โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า โจทก์จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทคนละครึ่งในการแบ่งกรรมสิทธิ์รวม ให้แบ่งในระหว่างกันเองก่อน ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ให้ประมูลในระหว่างกันเอง ถ้าไม่ตกลงกันอีก ให้ขายทอดตลาด ในกรณีที่มีการประมูลระหว่างกันเองหรือขายทอดตลาดก่อนจะดำเนินการดังกล่าว ให้ตีราคาบ้านที่ฝ่ายจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินพิพาทเสียก่อน แล้วจึงนำราคาบ้านมาหักออกจากราคาที่ดิน เหลือเงินสุทธิเท่าใดจึงทำการแบ่งคนละครึ่ง
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 157)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 161)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของพระยาพิสูตรจีนชาติ จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของจำเลยที่นำสืบฟังได้ว่า บิดามารดาของจำเลยตลอดจนจำเลยมิได้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนพระยาพิสูตรจีนชาติและทายาท แต่จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยเจตนาเป็นเจ้าของ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อราคา ทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของ จำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ