คำสั่งคำร้องที่ 1933/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ต้องห้าม มิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ฎีกาทั้งหมดทุกข้อเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับเป็นฎีกา
ผู้ร้องเห็นว่า ฎีกาของผู้ร้องเป็นฎีกาในข้อกฎหมาย ตามบทบัญญัติว่าด้วยการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) และมาตรา 252 ซึ่งเป็นฎีกาในข้อสาระสำคัญ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของผู้ร้องไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ จำเลย ต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 88)
คดีสืบเนื่องจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ กันว่าโจทก์ตกลงขายที่ดินพิพาทให้แก่วัดท่าแคลงและจะชำระราคาให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด หากวัดท่าแคลงไม่ชำระจำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในที่ดินพิพาทออกไปทันที เมื่อถึงกำหนดชำระเงินแล้ว วัดท่าแคลงไม่ชำระ ศาลชั้นต้นจึงออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ขอ ต่อมาจำเลยยื่นคำร้อง ว่าโจทก์ได้ทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทให้พระทวี ฐิติธัมโม ผู้ร้อง โดยผู้ร้องทำสัญญาดังกล่าวแทนจำเลย ถ้าหากโจทก์ ปฏิบัติตามสัญญาจำเลยก็จะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท และผู้ร้อง ได้ขออายัดที่ดินพิพาทต่อเจ้าพนักงานที่ดินโดยอ้างเหตุโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามสัญญา เจ้าพนักงานที่ดินมีคำสั่งรับอายัดไว้ ขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้ศาลชั้นต้นนัดพร้อมโจทก์ไปศาล จำเลยไม่ไปศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลนัดพร้อมอีกครั้งหนึ่งและพิจารณาคำร้องของ จำเลยใหม่ศาลชั้นต้นนัดพร้อมแล้วมีคำสั่ง ยกคำร้องของจำเลย ต่อมา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าได้ปลูกสร้าง โรงเรือนลงในที่ดินพิพาทโดยโจทก์รู้เห็นยินยอมตลอดมา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้นำปิดหมายบังคับคดีไว้ที่โรงเรือนดังกล่าวจึงไม่มีผลผูกพันผู้ร้อง ขอให้งดการบังคับคดีไว้ศาลชั้นต้นนัดพร้อม เมื่อถึงวันนัด คู่ความแถลงว่าจำเลยได้ฟ้องโจทก์ให้โอนที่ดินพิพาท ตามสัญญาจะซื้อขาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้เพื่อรอฟังผลคำพิพากษา ในคดีดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า โจทก์มีสิทธิดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
ผู้ร้องฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 83) ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้อง ไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของ ผู้ร้องไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะงดการบังคับคดีไว้ ผู้ร้องฎีกาว่า มีเหตุที่จะขอให้งดการบังคับคดีไว้ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการงดการบังคับคดี จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share