แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ 2 ของจำเลย ศาลอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมแล้วตามรายงานกระบวนพิจารณา ฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม 2536อุทธรณ์ข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยและสำหรับอุทธรณ์ข้อ 3 ก็เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงต้องห้ามไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 3 ของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง และปัญหาดังกล่าวนั้นจำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในศาลชั้นต้นแล้ว ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.1โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 34)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระค่าชดเชยจำนวน 43,200 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 12,480 บาท แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 31)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 34)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 3 ที่ว่า โจทก์เองเป็นฝ่ายลาออกจากการเป็นลูกจ้างของจำเลย และโจทก์ ทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยไม่ถึงสามปีนั้น เป็นอุทธรณ์ นอกเหนือจากที่จำเลยให้การต่อสู้คดีไว้ ถือได้ว่าเป็นข้อที่ ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง และไม่ใช่ปัญหา อันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นอุทธรณ์ ที่ไม่ชอบจะรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและ วิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ที่ศาลแรงงานกลาง สั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง