แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งหกฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของโจทก์ เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีที่ควรได้รับการวินิจฉัย จากศาลฎีกา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ไม่รับฎีกา
โจทก์ทั้งหกเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ทั้งหกเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ที่ศาลฎีกาควรรับไว้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานเพื่อที่ประชาชนทั่วไป และเจ้าพนักงานที่ดินจะได้ถือปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ถูกต้อง ตามกฎหมายต่อไป โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งหก ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 29) ส่วนจำเลยที่ 2 ส่งสำเนาคำร้องให้ไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ แถลงใน 7 วัน แต่โจทก์ทั้งหกมิได้แถลงภายในเวลาที่กำหนด (อันดับ 31,32)
โจทก์ทั้งหกฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบโฉนดที่ดิน ต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วน ให้แก่โจทก์ทั้งหกตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และให้จำเลยที่ 2 มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินยินยอมให้โจทก์ทั้งหกจดทะเบียน แบ่งแยกที่ดินดังกล่าวโดยปลอดภาระจำนอง หากจำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้อง ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งหกฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 24)
โจทก์ทั้งหกจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 26)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดี ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป