คำสั่งคำร้องที่ 1568/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยมีเนื้อหาเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย 3 ข้อ ในอุทธรณ์ของจำเลย เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ มิได้ปฏิบัติตามกระบวนพิจารณาว่าด้วยการชี้ขาดตัดสินคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142, 242,243,246 อันเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 56)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 11,407.88 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน 10,000 บาท นับถัดแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ยกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 54)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 56)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อฎีกาของจำเลยที่ว่าเช็คพิพาทเป็นเช็ค ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือไม่ การที่จำเลยส่งมอบ เช็คพิพาทให้แก่นางวันเพ็ญเพื่อส่งมอบให้แก่โจทก์นางวันเพ็ญเป็นผู้ทรงหรือไม่ จำเลยต้องรับผิดในมูลหนี้เล่นแชร์หรือไม่ เห็นว่า ข้ออ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายของจำเลย ย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัยข้อกฎหมาย การเถียง ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกา จำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share