แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 เป็นการมีคำสั่งยืนตามคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคแรกไม่รับฎีกาคำสั่ง
จำเลยที่ 1 เห็นว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์โดยอ้างถึงประเด็นเหตุสุดวิสัยในการขอขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ไว้ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับมิได้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิยื่นฎีกาคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 236 โปรดมีคำสั่งรับฎีกาคำสั่งของจำเลยที่ 1 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2534 ต่อมาเมื่อวันที่25 มิถุนายน 2535 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ว่า ล่วงเลยกำหนดระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์แล้วไม่มีเหตุจะขยายระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์ ยกคำร้องสั่งอุทธรณ์คำสั่งว่าจำเลยมิได้ยื่นอุทธรณ์ในกำหนดไม่รับอุทธรณ์ และสั่งคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ว่า ไม่มีเหตุที่จะขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างอุทธรณ์และศาลไม่รับอุทธรณ์ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่งทั้งสามฉบับ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งลงวันที่ 6 ตุลาคม 2535 ว่าคดีนี้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 1 เด็ดขาดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2534 แต่จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2535 เกินกว่า 1 เดือน จึงเป็นการยื่นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งและมีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งเรื่องขอให้คุ้มครองประโยชน์ไว้ในระหว่างพิจารณา
จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 94)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
อนึ่ง ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายเวลายื่นอุทธรณ์ (อันดับ 112)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ได้มีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 1 เท่ากับเป็นการสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้น คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2จึงเป็นที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236วรรคแรก ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอนึ่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่ยอมรับฎีกา ไม่ต้องเสีย ค่าขึ้นศาล คงเสียค่าคำร้องเพียง 40 บาท ให้คืนเงินส่วนที่เกิน แก่จำเลยที่ 1