คำสั่งคำร้องที่ 1177/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริง จำนวนทุนทรัพย์พิพาทไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่แก้ไขแล้วจึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ในประเด็นเรื่องการครอบครอง ที่ดินพิพาท เป็นการนำข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วมาปรับกับ บทกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย และเป็นสาระสำคัญ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิ์ครอบครองที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 472 หมู่ที่ 1 ตำบลปากช่อง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ 36 ไร่ ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง กับที่ดินดังกล่าว ให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจาก ที่ดินโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามให้โจทก์มีสิทธิ รื้อถอนโดยค่าใช้จ่ายของจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 80)
ทนายโจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 84)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีมีจำนวนทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาทและศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยยึดถือเพื่อตนตลอดมาหลังจากซื้อที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 470 จากการขายทอดตลาดตามคำสั่ง ของศาลชั้นต้นมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว แม้จะเข้าใจว่าเป็นที่ดิน ตาม น.ส.3 ที่ซื้อมาหรือไม่ก็ตาม เมื่อโจทก์รับโอนที่ดิน พิพาทโดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยครอบครองและฟ้องเกิน 1 ปี ก็ไม่มีอำนาจฟ้อง การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยครอบครองที่ดินพิพาท โดยเข้าใจว่าเป็นที่ดินแปลงเดียวกันกับที่ดินที่ซื้อ จำเลย มิได้มีเจตนาแย่งการครอบครองอันจะอ้างบทกฎหมายเรื่องอายุความ 1 ปี มาใช้ไม่ได้นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม มิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้องคืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์

Share