คำสั่งคำร้องที่ 1145/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามอุทธรณ์ (น่าจะเป็นฎีกา) ในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับอุทธรณ์ (น่าจะเป็นฎีกา)
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ว่า นิติกรรมระหว่างจำเลยทั้งสองไม่เป็นโมฆะ จำเลยที่ 2 ได้ที่ดินพิพาทมา โดยสุจริตมีค่าตอบแทน จะเพิกถอนเสียมิได้ เป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาและคำร้องขอทุเลา การบังคับของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 81)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองในที่ดินเฉพาะส่วนตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 65 ตำบลไทยเจริญ(ปัจจุบันเป็นตำบลแหลมทอง) อำเภอหนองบุนนากจังหวัดนครราชสีมา ด้านทิศตะวันตก เนื้อที่ประมาณ 2 งานเศษตามแผนที่พิพาทหมาย จ.ล.1 ในกรอบเส้นสีม่วงและสีน้ำตาล และนิติกรรมซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองเฉพาะในส่วน ที่พิพาทตกเป็นโมฆะ ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนแบ่งแยก โอนที่พิพาทให้โจทก์ หากไม่ไปให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดง เจตนาของจำเลยทั้งสอง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
จำเลยทั้งสองฎีกา โดยยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดี นี้มีคำสั่งว่าไม่มีเหตุสมควรที่จะฎีกาข้อเท็จจริง ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาและยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ(อันดับ 71,70)
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)

คำสั่ง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า นิติกรรมระหว่างจำเลยทั้งสองไม่เป็นโมฆะจำเลยที่ 2 ได้ที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต มีค่าตอบแทนจะเพิกถอนเสียมิได้ เป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาทห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว และเมื่อมีคำสั่งไม่รับฎีกาก็ไม่จำต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยทั้งสอง อีก ให้ยกคำร้อง

Share