คำสั่งคำร้องที่ 2155/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี และไม่สามารถรับรองให้ฎีกาตามมาตรา 221 ได้ การรับรองให้ฎีกาของอัยการสูงสุดจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300, 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43(4), 157 พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4)พ.ศ. 2535 มาตรา 27 เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสซึ่งเป็นบทหนักที่สุด พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยได้วางเงินชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ร่วมต่อศาลเป็นจำนวน 30,000 บาท อันเป็นการบรรเทาความเสียหายส่วนหนึ่งแล้ว จึงเห็นควรลงโทษจำเลยสถานเบา จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน ไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นควรเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังมีกำหนด 2 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องว่าอัยการสูงสุดได้รับรองให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ปรากฎตามหนังสือที่ อส*.0015.4/15136ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2539 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยจึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกาว่า อัยการสูงสุดได้รับรองฎีกาให้จำเลยแล้ว จำเลยจึงมีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษกักขังแทนโทษจำคุก ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ตรี และไม่สามารถรับรองให้ฎีกาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221ฎีกาของจำเลยที่ขอให้ศาลรอการลงโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่สามารถรับรองให้ฎีกาได้ตามกฎหมายดังกล่าว การรับรองให้ฎีกาของอัยการสูงสุด จึงไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง”

Share