คำสั่งคำร้องที่ 2561/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถาต่อไป ศาลชั้นต้น มีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขอให้งดการไต่สวนอนาถาแล้ว ขอเวลา หาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมอ้างว่าไม่ติดใจอนาถา ประกอบกับจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจึงมีทรัพย์สิน ชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มีเงินชำระค่าธรรมเนียมเห็นว่า จำเลยทั้งสองมีพฤติการณ์ประวิงคดีไม่อนุญาต ให้ไต่สวนอนาถา ให้จำเลยนำเงินมาวางภายใน 10 วัน นับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2538 จำเลยทั้งสองเห็นว่าทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 คือที่ดินจำนวนสามแปลงนั้นได้ถูกยึดไว้ในคดีอื่น จึงไม่สามารถนำมาขายเพื่อนำเงินมาชำระค่าธรรมเนียมได้ จำเลยทั้งสอง ไม่มีเงินชำระค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาและมิได้มีเจตนา ประวิงคดีแต่อย่างใด ขอให้ศาลโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้น ดำเนินการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาอุทธรณ์แล้ว(อันดับ 142 แผ่นที่ 2) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 2,400,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันผิดนัด(21 มิถุนายน 2533) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้ดอกเบี้ยก่อนฟ้อง (19 มีนาคม 2534) มิให้เกิน 150,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีในชั้นฎีกาอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นรับคำร้องและ นัดไต่สวน (อันดับ 125,124) ต่อมาจำเลยทั้งสองแถลงของด. การไต่สวนอนาถาและขอเวลาเพื่อหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียมภายใน 2 เดือน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ทนายจำเลยแถลงไม่ติดใจขอไต่สวนอนาถา ให้งดการไต่สวน และให้เวลาจำเลยหาเงินค่าธรรมเนียม มาชำระภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2538 ในวันครบกำหนดดังกล่าว (อันดับ 139) จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้น ทำการไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 141) จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าส่งสำนวนไปศาลฎีกา (อันดับ 140,144) คดีอยู่ระหว่างนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ขอให้จำหน่ายคดีเฉพาะ จำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความด้วย (อันดับ 153) ศาลชั้นต้นจึงให้ส่งสำนวนคืนศาลฎีกา (อันดับ 154)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 2 ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความแล้วจึงไม่จำต้องสั่งคำร้องในส่วนของจำเลยที่ 2 สำหรับคำร้อง ในส่วนของจำเลยที่ 1 นั้น เดิมจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้อง ขอฎีกาอย่างคนอนาถา ถึงวันนัดไต่สวนจำเลยที่ 1 แถลงของด. การไต่สวนอนาถาและขอเวลาหาเงินมาชำระค่าธรรมเนียม ภายใน 2 เดือน ศาลอนุญาต เช่นนี้มีผลเสมอว่าจำเลยที่ 1 ขอถอนคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาเสียแล้ว ต่อมาเมื่อ ครบกำหนดดังกล่าว จำเลยที่ 1 จะมาแถลงว่าหาเงินค่าธรรมเนียม ไม่ได้ ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่อีกหาได้ไม่ ให้ยกคำร้อง

Share