แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มิได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ เพราะโจทก์มิได้เป็นฝ่ายอุทธรณ์ คงอุทธรณ์แต่จำเลยเพียงฝ่ายเดียวแต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยหาใช่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องโจทก์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 บัญญัติไว้ไม่ คดีจำเลยจึงไม่ต้องห้ามมิให้ฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าโจทก์และโจทก์ร่วม ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358,83 ระหว่างพิจารณา นายเสถียรศรีบรรเทา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 127) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 129)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยอ้างว่า อุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 จำเลยจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ให้รับฎีกาของจำเลยไว้