คำสั่งคำร้องที่ 2176/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้อง ขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีรับรองให้ฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยทั้งสาม แล้วเห็นว่า ล้วนเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ไม่รับฎีกา จำเลยทั้งสามเห็นว่า ฎีกาของจำเลยบางส่วนเป็นปัญหา ข้อกฎหมายโดยเฉพาะข้อ (ก)และ(ค) ความละเอียดปรากฏ ในฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้วและการที่จำเลยทั้งสาม ยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ทั้งในศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ภาค 2 รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อผู้พิพากษาศาลชั้นต้นท่านแรกมีคำสั่งไม่รับรองให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว ควรจะต้องส่งฎีกาและคำร้อง ขอให้รับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปยังผู้พิพากษา ที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2ตามที่จำเลยทั้งสามกล่าวนามในคำร้องอีก 4 ท่าน เพื่อพิจารณา รับรองฎีกาของจำเลย แต่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ก็หาได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยทั้งสาม และยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาและคำร้องขอให้รับรองฎีกาต่อไปให้ผู้พิพากษาอีก 4 ท่าน เพื่อท่านใดท่านหนึ่ง จะเห็นสมควรรับรองฎีกาของจำเลยทั้งสาม ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำสู่การพิจารณาของศาลฎีกาต่อไป โปรดอนุญาต หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 55) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,69 วรรคสอง,73 วรรคสอง,74,74 ทวิ,74 จัตวา และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษ ทุกกรรม ฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี ฐานมีไม้ยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 ปี รวมจำคุกคนละ 2 ปี จำเลยทั้งสาม ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 1 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นส่งฎีกาของจำเลยทั้งสามไปให้นายวิวรรตนิ่มละมัย หรือนางสาวสุนิสา สมประสงค์ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้น หรือนายกำธรโพธิ์สุวัฒนากุลหรือนางสาวสมลักษณ์ จัดกระบวนพล หรือนายศักดิ์ชัยทัศนชัยกุล ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในชั้นอุทธรณ์อนุญาตให้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดี ในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้ว เห็นว่าไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 51,50) จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ข้อที่จำเลยทั้งสามอ้างว่าเมื่อศาลชั้นต้นโดยนางสาวสุนิสา สมประสงค์ มีคำสั่งไม่รับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามแล้ว นางสาวสุนิสาจะต้องส่งคำร้องขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปให้ผู้พิพากษา ที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 อีก 4 คน เพื่อพิจารณารับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามต่อไปนั้น เห็นว่าตามคำร้องขอให้รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ของจำเลยทั้งสามได้ขอให้ผู้พิพากษาคนใดคนหนึ่งตามที่ระบุชื่อ ไว้จำนวน 5 คน เป็นผู้รับรองฎีกาให้จำเลยทั้งสามและได้ระบุชื่อนางสาวสุนิสาผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นไว้ด้วย เมื่อนางสาวสุนิสาได้สั่งคำร้องนี้แล้วศาลชั้นต้นไม่จำต้องส่งคำร้องของ จำเลยทั้งสามไปให้ผู้พิพากษา อีก 4 คน เพื่อพิจารณารับรองฎีกาของจำเลยทั้งสามอีกต่อไปส่วนที่จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งอ้างว่าเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสาม ข้อ 2(ก)และ(ค) ที่ว่า ไม้ที่จำเลยที่ 1 ตัดไม่ใช่ไม้ในป่า จำเลยที่ 1 ไม่ทราบว่าเป็นไม้หวงห้าม จำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองไม้ของกลางเพียงคนเดียว จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ใช่ผู้ครอบครองด้วย และหากจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าของไม้และครอบครองด้วยก็ต้องแบ่งกันรับผิด จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 69 วรรคแรก และมาตรา 73 วรรคแรก นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำไม้และมีไม้หวงห้าม ตามฟ้องไว้ในครอบครอง จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพตามฟ้อง ทั้งในชั้นอุทธรณ์จำเลยทั้งสามเพียงแต่อุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ดังนี้จำเลยทั้งสามจะฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นดังที่ฎีกามาอีกไม่ได้ เพราะเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเพื่อนำไปสู่ปัญหา ข้อกฎหมาย และเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบ ในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสามนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share