คำสั่งคำร้องที่ 1825/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของ จำเลยในข้อ 1 ถึงข้อ 4 ล้วนเป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยในข้อนี้ ส่วนฎีกาเรื่อง อายุความนั้น เห็นว่าเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อนี้ จำเลยที่ 1 เห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่าโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2เป็นการแก้ไขมาก ประกอบกับคดีของจำเลยที่ 1 มีเหตุที่จะชนะคดี โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาด้วย หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 250) ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,267,268 และ 341 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท แต่ละบทมีโทษ เท่ากัน ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 268 วรรคสอง กระทงเดียว จำคุก 1 ปี ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลยที่ 1อีกสถานหนึ่งเป็นเงิน 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ ไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 231) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 236)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกินสองปี แม้จะรอการลงโทษหรือไม่ก็ตาม คู่ความย่อมต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยที่ 1 ทั้งข้อ 1 ถึงข้อ 4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share