แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 124 ไม่รับฎีกาจำเลย จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยขอโดยสารรถไปยังกรุงเทพมหานครกับนายบุญทัน สุขเสริม เจ้าของรถโดยไม่ทราบว่าในรถมีกัญชา จำเลยไม่ได้มีเจตนา ได้ร่วมกระทำความผิดไม่ครบองค์ประกอบความผิดทางอาญานั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 97) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7,26 วรรคสอง,76 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำเลยกระทำความผิดในขณะที่อายุ 17 ปีเศษ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้วจำคุก 1 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานของสถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน จังหวัดอุบลราชธานีแล้ว เห็นว่าจำเลยอายุยังน้อย สมควรให้มีวิชาชีพติดตัวเพื่อสวัสดิภาพและอนาคตของจำเลย อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและ วิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 104(2) ให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นส่งตัวจำเลยไปรับการฝึกและอบรม ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดอุบลราชธานี มีกำหนดขั้นต่ำ 6 เดือน ขั้นสูง 1 ปี กับให้ริบกัญชาของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 94) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)
คำสั่ง ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ทราบว่าในรถยนต์กระบะที่จำเลย นั่งโดยสารไปด้วยมีกัญชา จำเลยไม่มีเจตนาร่วมกระทำความผิด คดีนี้ เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังข้อเท็จจริงจาก พยานหลักฐานในสำนวน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัว และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2534 มาตรา 6 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง