แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คำสั่ง ดังกล่าวเป็นที่สุด จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ โจทก์เห็นว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ยังไม่เป็นที่สุดเพราะ ฎีกาของโจทก์ในข้อ 3 วรรคสอง ยังไม่มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาด โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (ถ้อยคำสำนวน อันดับ 18 แผ่นที่ 2) คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก และขอนาฬิกาคืนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ฟ้องโจทก์ในส่วนอาญาจึงขาดองค์ประกอบความผิดและไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) สำหรับคดีส่วนแพ่งโจทก์ไม่ได้บรรยายสภาพแห่งข้อหาและไม่เสียค่าขึ้นศาล จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกฟ้องทั้งคดีในส่วนอาญาและแพ่ง ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขคำฟ้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้ศาลมีคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีแล้ว จึงไม่อาจอนุญาตให้โจทก์แก้ไขคำฟ้องได้ ยกคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นและไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับ การวินิจฉัย ทั้งไม่เสียค่าธรรมเนียมจึงไม่รับ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์อ้างว่า ฟ้องของโจทก์ชอบด้วยกฎหมายศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งในคดี ส่วนอาญาและคดีส่วนแพ่งในข้อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์แต่หาได้โต้แย้งว่าคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร เป็นแต่เพียงอธิบายว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยในคดีนี้เพราะเหตุใดทั้งไม่เสียค่าขึ้นศาล ชั้นอุทธรณ์ในคดีส่วนแพ่งด้วย อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นอุทธรณ์ ที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์จึงชอบแล้ว ยกคำร้อง โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 14) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 15)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คำสั่งของศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้น เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 ทวิ วรรคท้ายศาลชั้นต้นจึงไม่รับฎีกาโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง