แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ส่วนข้อกฎหมายที่ฎีกามาทั้งหมด เป็น ข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาล ชั้นฎีกาไปทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะ ไม่ได้บรรยายฟ้องโดยชัดแจ้งว่า การกู้ยืมเงินคิดดอกเบี้ย อัตราร้อยละเท่าใด และมีการชำระดอกเบี้ยบางส่วนเมื่อใด จำนวนเท่าใดและฎีกาที่ว่า สัญญากู้ยืมเงินเป็นตราสารที่ ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าในวันที่ทำสัญญากู้ รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้และฎีกาที่ว่า โจทก์ไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดีนี้ และฎีกาที่ว่า โจทก์ไม่ได้บอกกล่าวทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ก่อน จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น ล้วนเป็น ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายอันเป็นสาระแก่คดีทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 77,78) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะทายาทของนายดาบตำรวจ นวลฉวี ทิศกลาง ผู้ตาย รับผิดชำระหนี้จำนวน 40,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ มีนาคม 2535 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 73) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 75)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมการขีดฆ่าอากรแสตมป์ในสัญญาไม่ชอบ จึงรับฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้องคดี และโจทก์มิได้ทวงถาม ให้จำเลยชำระหนี้ก่อน เห็นว่าฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมาย อันเกี่ยวกับประเด็นแห่งคดีโดยตรงจึงให้รับฎีกาของจำเลย ในปัญหาดังกล่าว และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป