แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้น ทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ได้ระบุไว้ชัดแจ้งว่าเป็นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ประสงค์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 3 เท่านั้น เมื่อไม่ใช่เป็นกรณีที่พิมพ์ผิดพลาด การที่ทนายจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยเวลากำหนดอายุอุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์ เป็นว่าจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ จึงเป็นการเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาเป็นจำเลยทั้งห้า จึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งยกคำร้องดังกล่าวเสีย
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 วรรคสาม, 83 จำคุกจำเลยทั้งห้าคนละ 4 ปีจำเลยที่ 1 และที่ 3 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น ต่อมาเมื่อล่วงเลยเวลากำหนดอายุอุทธรณ์ทนายจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3อุทธรณ์ มาเป็นจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง
ทนายจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ (คำสั่ง)
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ทนายจำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ขอให้มีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 โดยอ้างว่าเป็นการพิมพ์ผิดพลาดนั้น เห็นว่าตามอุทธรณ์ที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2540 ทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ระบุไว้ชัดแจ้งว่าเป็นอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โดยระบุชื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 ไว้ด้วย แสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยผู้อุทธรณ์ประสงค์อุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 3 เท่านั้น หาใช่เป็นกรณีที่พิมพ์ผิดพลาดดังที่ทนายจำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องมาไม่ จึงเป็นการเพิ่มเติมตัวผู้อุทธรณ์จากจำเลยที่ 1 และที่ 3 มาเป็นจำเลยทั้งห้าดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้วินิจฉัยมาชอบแล้ว
พิพากษายืน