คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1569/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษทางอาญาแก่จำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเกินกว่าปริมาณที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ มาตรา 48 ถ้าจำเลยต่อสู้ว่าได้รับยกเว้นโทษตาม มาตรา 50 จำเลยจะต้องนำสืบว่ากรณีต้องด้วยข้อยกเว้นนั้น มิฉะนั้นก็ไม่อาจพ้นผิดไปได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีไม้สักอันเป็นไม้หวงห้ามซึ่งแปรรูปแล้ว 3.88 ลูกบาศก์เมตรไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นไม้ที่ต้องเสียค่าภาคหลวงไม่ได้รับยกเว้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484

จำเลยต่อสู้ว่าเป็นไม้ที่ใช้ทำบ้านเรือนแล้วตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2494 ไม้สักของกลางจึงไม่ใช่ไม้หวงห้ามและไม่ใช่ไม้แปรรูปตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 และฉบับที่ 3 พ.ศ. 2494 ดัง โจทก์ฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 47, 48, 49, 73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2494 มาตรา 17 ปรับ 200 บาท

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมาย

ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงไว้แล้วว่าจำเลยมีไม้สักแปรรูปไว้ในความครอบครอง 3.88 ลูกบาศก์เมตร ในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต ในเบื้องต้นการกระทำของจำเลยย่อมเป็นผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48 เมื่อจำเลยเถียงว่าเป็นไม้ซึ่งได้รับยกเว้นโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่ 3) มาตรา 13 แล้วจำเลยก็ต้องนำสืบว่าไม้ของกลางเป็นไม้ที่เข้าข้อยกเว้นนั้น เมื่อจำเลยไม่ได้พิสูจน์ให้ได้ความ ก็ย่อมไม่พ้นผิด พิพากษายืน

Share