คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7489/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นอันเพิกถอนไปได้ ผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัว ดังนั้น จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติก่อน การที่จำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์เช่นนี้ ในชั้นตรวจอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสีย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้และตั๋วสัญญาใช้เงินพร้อมดอกเบี้ย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 20,000,000 บาท และเงินจำนวน 63,639,320.54บาท พร้อมดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน 3,839,041.09 บาท และจำนวน 6,642,898.03 บาท ตามลำดับ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 100,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยใช้แทนตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นให้ยก

จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ อ้างว่าจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก สำเนาคำฟ้อง หมายนัด คำบังคับ และหมายอื่นในคดีนี้ การส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องหรือคำบังคับให้จำเลยเป็นการไม่ชอบ เพราะแม้จำเลยจะมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่33/27 ซอยโรงเรียนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ตามคำฟ้องแต่โจทก์ทราบดีอยู่แล้วว่าจำเลยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 1635 หมู่บ้านศรีวราทาวน์-อินทาวน์ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร เมื่อโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอื่นจำเลยก็ยื่นคำให้การต่อสู้คดี คดีนี้หากจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแล้ว จำเลยจะต้องยื่นคำให้การต่อสู้คดีอย่างแน่นอน จำเลยมิได้จงใจที่จะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เหตุที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เกิน 15 วัน หลังจากวันส่งคำบังคับเพราะจำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้อง เนื่องจากโจทก์ส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ในคดีล้มละลายโดยหมายนัดดังกล่าวอยู่ในตู้รับจดหมายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2542 จำเลยมอบหมายให้ทนายความไปตรวจสอบคดีล้มละลายดังกล่าวในวันที่ 19 กรกฎาคม 2542 จึงทราบว่าถูกฟ้องเป็นคดีนี้และมีการส่งคำบังคับแล้ว อันเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ การที่จำเลยมายื่นคำร้องในวันนี้จึงอยู่ในระยะเวลา15 วัน นับแต่พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้สิ้นสุดลง หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีแล้วจำเลยมีโอกาสชนะคดี เพราะหนี้ตามฟ้องโจทก์จำเลยทำสัญญาแปลงหนี้ใหม่ไปแล้วโดยโจทก์จำเลยตกลงกันให้จำเลยนำที่ดินของนางวันเพ็ญ รักมนุษย์ มาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันมูลหนี้ตามฟ้อง และหนี้ตามฟ้องโจทก์ยังมีหลักทรัพย์อื่นของจำเลยและภริยาจำเลยจดทะเบียนจำนองเป็นประกันไว้ด้วย การที่โจทก์ไม่กล่าวถึงหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนเพราะโจทก์มีเจตนาใช้สิทธิโดยไม่สุจริตโจทก์นำมูลหนี้ในคดีนี้ไปฟ้องจำเลยเป็นคดีอื่นด้วย ขอให้มีคำสั่งให้พิจารณาใหม่

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำขอล่าช้า และเหตุตามคำร้องมิใช่กรณีที่จำเลยไม่สามารถยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในระยะเวลาที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้โดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ กรณีจึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอพิจารณาใหม่ ให้ยกคำร้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยขาดนัดจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ จำเลยอุทธรณ์ ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนว่า ในชั้นที่จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นจำเลยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วยศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 “การอุทธรณ์นั้นให้ทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น และผู้อุทธรณ์ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์นั้นด้วย…” คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย ค่าคำร้องเป็นพับ การที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น โดยขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ซึ่งจะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นอันเพิกถอนไปได้ ผลเท่ากับเป็นการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัวนั่นเอง ดังนั้น จำเลยต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ โดยศาลชั้นต้นไม่จำต้องมีคำสั่งให้จำเลยปฏิบัติก่อน การที่จำเลยมิได้วางเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์เช่นนี้ ในชั้นตรวจอุทธรณ์ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย แต่เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะพิพากษายกอุทธรณ์นั้นเสียโดยไม่ต้องวินิจฉัยในประเด็นแห่งอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยด้วยโดยพิพากษายืน จึงมิชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจึงต้องยกเสีย และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์

พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกฎีกาของจำเลยให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคืนค่าธรรมเนียมศาลทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์และฎีกาแก่จำเลย ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้เป็นพับ”

Share