แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องฐานฆ่าคนตาย จำเลยต่อสู้ว่ากระทำโดยบันดาลโทสะตามมาตรา 55 จำเลยย่อมยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ว่ากระทำเพราะจำเป็นเพื่อป้องกันตัวตามมาตรา 49(2) ได้
ผู้ตายบังอาจขึ้นไปตีจำเลยถึงบนเรือนของจำเลย ตีแล้วยังถือไม้อยู่เมื่อจำเลยถูกทำร้ายและเป็นเวลาปัจจุบันทันด่วนจำเลยจึงหยิบมีดขอฟันผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
ได้ความว่า นายสอนผู้ตายเมาสุรามาท้าทาย จำเลยที่บ้านของจำเลย จำเลยอยู่บนเรือนกำลังจะกินข้าว จำเลยไม่ลงไป ผู้ตายกลับขึ้นไปบนเรือนของจำเลย ใช้ไม้ตีจำเลย 1 ที ถูกหน้าผากแตกโลหิตไหล จำเลยคว้ามีดขอฟันผู้ตาย 1 ทีถูกที่คอ ผู้ตายพลัดตกเรือนและขาดใจตาย โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249 ลดฐานบันดาลโทสะตามมาตรา 55 และลดฐานรับสารภาพตามมาตรา 59 คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ว่าควรได้รับยกเว้นโทษตาม มาตรา 49(2) เพราะทำเพื่อป้องกันตัว ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำเพื่อป้องกันตัวอันควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะจำเลยย่อมยกในชั้นอุทธรณ์ว่ากระทำเพราะจำเป็นเพื่อป้องกันตัวได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย
ผู้ตายบังอาจขึ้นไปตีจำเลยถึงบนเรือน ตีแล้วยังถือไม้อยู่จำเลยถูกทำร้ายและเป็นเวลาปัจจุบันทันด่วน จำเลยจึงหยิบมีดขอฟันผู้ตายไป 1 ที ถูกผู้ตายตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน