แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องบรรยายว่าจำเลยบุกรุกเคหสถานของผู้เสียหายแล้วทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหสถานนั้นทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายและกระทำอนาจารแก่หญิงที่เคหสถานนั้นจริง แต่ปรากฏว่าเคหสถานนั้นเป็นของมารดาผู้เสียหาย และมารดาผู้เสียหายไม่ได้ไปร้องทุกข์ในข้อหาฐานบุกรุกดังนี้ แม้ศาลจะยกฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกโดยเหตุที่เจ้าของเคหสถานไม่ได้ร้องทุกข์ก็ดี ศาลก็ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายและทำอนาจารได้ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความต่างกับฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยบุกรุกขึ้นไปบนเคหะสถานของนายหมึกแล้วกอดปล้ำกระทำอนาจารนางสาวผิว และทำร้ายร่างกายนายหมึกถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายอาญา มาตรา 246, 254, 329
ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญา มาตรา 246,254 ส่วนข้อหาฐานบุกรุกนั้น ได้ความว่าเคหะสถานที่จำเลยบุกรุกเป็นของนางเล็กมารดานายหมึก และนางเล็กครอบครองอยู่มิได้ร้องทุกข์ จึงลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย ว่าเรือนที่เกิดเหตุเป็นของนางเล็ก มิใช่เรือนนายหมึก ข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ความจึงต่างกับฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลล่างยกฟ้องในข้อหาฐานบุกรุกก็เพราะนางเล็กเจ้าของเคหะไม่ไปร้องทุกข์ หาใช่ที่เกิดเหตุที่ปรากฏในทางพิจารณา ต่างกับฟ้องไม่ เพราะที่เกิดเหตุก็คือเรือนนางเล็กซึ่งนายหมึกอยู่ร่วมด้วย ตั้งอยู่ตามตำบลในฟ้องนั้นเอง จึงพิพากษายืน